วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

การดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพร ผิวหน้าและผิวกาย

การดูแลผิวพรรณด้วยสมุนไพร


     ความสวยความงาม นับเป็นเรื่องที่มนุษย์เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้คน หรือเรียกว่าเป็นจิตวิทยาของโลกเลยทีเดียว การได้เห็นของสวยๆ งามๆ ย่อมทำให้จิตใจชุ่มชื่น แต่อย่างไรก็ตาม การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพสมบูรณ์ด้วยทางอาหารที่ครบถ้วน ก็จะทำให้ผิวพรรณสดใสงดงามได้ 
     แต่ในปัจจุบันนี้สังคมได้พัฒนาไปมากด้วยเทคโนโลยีชั้นสูง ได้มีการสกัดสารสำคัญจากธรรมชาติ เพื่อพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เสริมความงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นบำรุงผิวพรรณ หรือเครื่องประทินความงามอื่นๆ มาวางตลาดให้เลือก แต่ย่อมมีราคาแพง จึงเป็นผลให้คนที่ยึดติดกับเรื่องความสวยความงามต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นอันมาก
     สถาบันการแพทย์แผนไทย เล็งเห็นความต้องการของประชาชน จึงพยายามค้นหาทางเลือกให้สำหรับคนรักสวยรักงาม แต่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายก็อาจเลือกใช้สารจากธรรมชาติในการดูแลความงามด้วยตนเอง โดยไม่ต้องไปซื้อหาให้มากด้วยราคา 
     ฉะนั้นในฉบับนี้ สถาบันการแพทย์แผนไทย จึงคัดเลือกสมุนไพรที่มีผลต่อความงามของผิวพรรณ พร้อมวิธีใช้มาเสนอ อาทิ ว่านหางจระเข้ ซึ่งมีจารึกไว้ว่า แม้แต่พระนางคลีโอพัตราก็ยังใช้ว่านหางจระเข้ ในการบำรุงผิวพรรณ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้สมัยใหม่ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมความงามนั้นก็ได้นำความรู้ดั้งเดิมมาประยุกต์ ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาไทย หรือภูมิปัญญาพื้นบ้านต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมากในการพิจารณาผลิตภัณฑ์เสริมความงาม

สมุนไพรดูแลหน้าและผิวกาย

1. ว่านหางจระเข้  (Aloe indica Royle)  คุณค่าของว่านหางจระเข้มีมากมาย นอกจากใช้รักษาโรคแล้ว ยังใช้บำรุงผิว บำรุงเส้นผมได้ด้วย ปัจจุบันจะเห็นได้ว่ามีแชมพูสระผม และเครื่องสำอางค์หลายอย่างที่ใช้ว่านหางจระเข้เป็นส่วนประกอบ และกำลังเป็นที่นิยมของคนทั่วไป เนื่องจากว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติ สามารถช่วยให้กระบวนการเมตะโบลิซึมทำงานได้เป็นปกติ ลดการติดเชื้อ สลายพิษของเชื้อโรค กระตุ้นการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อส่วนที่ชำรุด ฉะนั้นว่านหางจระเข้จึงถูกนำมาใช้เพื่อบำรุงผิวพรรณ ผู้ที่ใช้ว่านหางจระเข้บำรุงผิวพรรณอยู่เป็นประจำ จะรู้สึกได้ชัดว่าว่านหางจระเข้มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณผุดผ่อง สดชื่น มีน้ำมีนวล และยังสามารถขจัดสิวและลบรอยจุดด่างดำได้ด้วย
     การใช้ว่านหางจระเข้เพื่อบำรุงผิว โดยปอกเปลือกออกใช้แต่เมือกวุ้นสีขาวใสที่อยู่ภายใน ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการแพ้  ก่อนใช้ควรตรวจสอบว่าตนเองจะเกิดอาการแพ้หรือไม่ โดยใช้น้ำที่ได้จากวุ้นสีขาวของว่านหางจระเข้ทาตรงบริเวณโคนหูแล้วทิ้งไว้สักครู่ ถ้าเกิดการระคายเคืองเป็นผื่นแดงแสดงว่าแพ้ ไม่เหมาะที่จะใช้กับผิวหน้าอีกต่อไป ถ้าไม่มีอาการแพ้ก็สามารถใช้ได้ตลอด แต่บางคนก็จะเห็นผลได้เหมือนกัน เมื่อใช้ว่านหางจระเข้ทาบริเวณหัวสิว จะทำให้หัวสิวแห้งเร็ว
     นอกจากนี้ว่านหางจระเข้ยังสามารถลดความแห้งกร้านและลดความมันของผิวหน้าได้ โดยคนที่มีผิวที่มันก็จะช่วยให้ลดความมัน คนที่มีผิวหน้าแห้งก็ยังรักษาความชุ่มชื่นของผิวไว้ได้ 



2. งา (Sesamum indicum Linn., S. orientle,L) เป็นพืชล้มลุกให้เมล็ดเป็นจำนวนมาก เมล็ดงามีทั้งสีดำและสีขาว ในเมล็ดงามีน้ำมันอยู่ประมาณ 45-54 % น้ำมันงามีกลิ่นหอมน่ารับประทาน วิธีใช้โดยการนำเอาเมล็ดงาสด มาบีบน้ำมันงาออกโดยไม่ผ่านความร้อน ใช้ทาผิวหนังเพื่อบำรุงผิวพรรณให้ผุดผ่อง ช่วยประทินผิวให้นุ่มนวลไม่หยาบกร้าน

3. แตงกวา (Cucumis sativas Linn.) จะมีวิตามินสูง ในผลแตงกว่ายังมีเอนไซม์ cryssin ซึ่งช่วยย่อยโปรตีนได้ เอนไซม์ชนิดนี้จะช่วยย่อยผิวหนังที่หยาบกร้าน ให้หลุดออกไป เพื่อให้ผิวใหม่ที่อ่อนนุ่มเกิดขึ้นมาแทนที่ บางคนใช้แตงกวาสดผ่าเป็นชิ้นบางๆ วางบนใบหน้าที่ล้างสะอาดแทนน้ำแตงกวา ปัจจุบันมีน้ำแตงกวาผสมในเครื่องสำอาง เช่น ครีมล้างหน้า ครีมทาตัว เพื่อช่วยให้ผิวไม่หยาบกร้าน และช่วยสมานผิว แตงกวาเป็นสมุนไพรที่หาง่ายมีประโยชน์ราคาถูก ใช้ติดต่อกันเป็นประจำจะทำให้สวยสดชื่นมีน้ำมีนวล


4. มะเขือเทศ (Lycopersicon esculentum Mill.) ในมะเขือเทศจะมีสาร Curotenoid และมีวิตามินหลายชนิด น้ำจากผลมะเขือเทศสุกจะมีสาร 1icopersioin ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียได้ และน้ำมะเขือเทศสด นำมาพอกหน้าจะรักษาสิวสมานผิวหน้าให้เต่งตึง หรืออาจจะฝานบางๆ แปะลงบนผิวหน้าก็ได้


5. ขมิ้นชัน (Curcuma Longa Linn.) ในขมิ้นจะมีสาร Curcumin และมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งมีกลิ่นเฉพาะ ขมิ้นมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อราหลายชนิด ใช้ทาผิวที่มีผดผื่นคัน ผงขมิ้นใช้ทาตัวเพื่อให้มีสีเหลืองทองใช้บำรุงผิว และช่วยฆ่าเชื้อ ที่ทำให้เกิดโรคผิวหนังบางชนิดได้อีกด้วย

6. น้ำผึ้ง (Apis dorsata) ได้จากผึ้ง ในน้ำผึ้งประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส, ฟรุกโตส, ขี้ผึ้ง, อัลบูมินอยด์, ละอองเกสรดอกไม้, และฮอร์โมนเอสโตรเจนจำนวนเล็กน้อย น้ำผึ้งใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ใช้พอกหน้าทำให้ผิวหน้าชุ่มชื่น เปล่งปลั่งมีน้ำมีนวลขึ้น น้ำผึ้งยังมีคุณสมบัติช่วยสมานผิว น้ำผึ้งเป็นเครื่องสำอางจากธรรมชาติที่ให้ประโยชน์สูงและหาง่าย นอกจากนี้ยังใช้น้ำผึ้งบำรุงผม ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะช่วยบำรุงหนังศรีษะ และกระตุ้นการงอกของเส้นผม

7. มะขามเปียก (Tamarindus indica Linn)  มะขามเปียกมีประวัติการใช้มายาวนาน ช่วยชำระสิ่งสกปรกจากผิวหนัง เพราะฤทธิ์ที่เป็นกรดอ่อนๆ ในมะขามจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกจากผิวหนังได้ดี ปัจจุบันได้มีหญิงไทยจำนวนมาก ใช้มะขามเปียกผสมน้ำอุ่นและนมสดผสมให้เข้ากันดี พอกบริเวณผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอยด้าน เช่น ตาตุ่ม ข้อศอก ฝ่ามือ ที่มีรอยกร้านดำ และบริเวณรักแร้ ขาหนีบ เพื่อให้ผิวหนังที่เป็นรอยดำจางลง ทำให้ผิวขาวนุ่มนวลขึ้น และนมสดจะช่วยบำรุงผิวให้นุ่มได้



      จากที่กล่าวมาแล้ว เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีการใช้สืบต่อกันมาเป็นเวลานาน และได้ถูกลืมไปชั่วระยะหนึ่ง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และค่านิยมของคนไทยต่อค่านิยมด้านวัตถุ ทำให้คนรุ่นใหม่สนใจสินค้าจากต่างประเทศ แต่ปัจจุบันเป็นที่สังเกตว่าคนต่างประเทศสนใจภูมิปัญญาไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงาม ซึ่งจะเห็นบ่อยว่ามีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 
     การที่เราหันไปใช้ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ใช้สะดวกราคามักจะสูง แต่ถ้าเรานำเอาวัตถุดิบที่มีอยู่ในบ้านเรามาใช้เอง ได้สารสำคัญที่สดใหม่ ราคาถูก ไม่มีสารเคมีเจือปน อะไรที่เราหาได้ง่าย และเป็นผลิตภัณฑ์ที่เราปลูกใช้ได้เราจะทำให้เราพึ่งตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่เช่นปัจจุบัน

ที่มา  : สถาบันการแพทย์แผนไทย

8 เคล็ดลับการบำรุงผิวในแต่ละวัน

 8 เคล็ดลับการบำรุงผิวในแต่ละวัน
    หลังจากที่เราได้เรียนรู้เกียวกับสูตรการทำสปาแบบพื้นฐานที่สามารถทำได้เองที่บ้านไปแล้ว ในเดือนนี้เราก็มีเคล็ดลับการดูแลสุขภาพผิวในแต่ละวันมาฝากกันเพื่อทำให้คุณมีผิวที่สวยงาม สดใสตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าสมกับเป็นสาวยุคใหม่ เราลองมาสำรวจกันว่า คุณดูแลตัวเองในแต่ละวันได้ตามเคล็ดลับที่ได้ไว้ให้หรือไม่
1.เช็ดล้างเครื่องสำอางออกจากผิวหน้า

   สำหรับสาวๆหลายคนอาจจะเข้าใจผิดเรื่องการทำความสะอาดเครื่องสำอางออกจากผิวหน้าด้วยการล้างออกด้วยน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ถือว่าเป็นความข้าใจผิดอย่างมากเพราะว่าสารประกอบที่ใช้ในการทำเครื่องสำอางประเภทครีมกันแดดจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าประเภท Cleansing หรือ Remover เช็ดเครื่องสำอางออกก่อนการล้างหน้าทุกครั้งซึ่ง Cleansing หรือ Remover จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกและสารที่ตกค้างและอุดตันสะสมในผิวออกได้อย่างหมดจด หลังจากนั้นก็ล้างหน้าออกด้วยน้ำสะอาดและ Cleansing แค่นี้คุณก็จะมีผิวหน้าที่สะอาดสดใส
2.ทำความสะอาดผิวด้วยโทนเนอร์

   หลังจากที่เราได้ล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณก็ควรที่จะใช้ลำลีชุบโทนเนอร์เช็ดผิวให้ทั่วทั้งใบหน้า วิธีการเช็ดหน้าที่ถูกต้องคือ การเช็ดขึ้นจากด้านล่างขึ้นสู่ด้านบนเพื่อเป็นช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นเข้าสู่รูขุมขนและช่วยทำความสะอาดรูขุมขนได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
3.ทาครีมบำรุงผิวหน้ากลางวันหรือกลางคืน

  หลังจากที่เช็ดหน้าผิวหน้าด้วยโทนเนอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณควรนวดหน้าด้วยนิ้วมือของคุณซึ่งการนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการดูดซึมของเนื้อครีมเข้าสู่ผิวหน้าได้ดีมากขึ้น
4.การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 PA+++ ขึ้นไป

ในตอนเช้าหลังจากที่เราทาครีมบำรุงผิวเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวหน้าจากอันตรายของแสงยูวีโดยผลการวิจัยทางการแพทย์ได้ค้นพบว่า ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีจะต้องเผชิญกับแสงยูวีที่เป็นอันตรายต่อผิวมากและความรุนแรงของแสงจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 50-70 ของแสงทั้งหมด การหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง ผิวหนังไหม้และการเกิดจุดด่างดำจากเม็ดสีผิวได้
5.ดื่มน้ำสะอาดประมาณ 2 ลิตรต่อวัน

  น้ำเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่ายิ่งต่อร่างกายของคนเราซึ่งร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบประมาณร้อยละ 60-70 ของเหลวในร่างกายทั้งหมดซึ่งคนเราจะมีการสูญเสียน้ำออกมาจากร่างกายผ่านปัสสาวะและเหงื่อออกจากร่างกายอย่างมากที่สุดประมาณ  2 ลิตร ดังนั้นการดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรจะช่วยรักษาความชุ่มชื่นและความสวยงามให้แก่ผิวหนังได้ดี
6.การทานอาหารและทาครีมที่มีช่วยติอต้านการเกิด Anti-oxidant

  สารต่อต้านอนุมูลอิสระจะช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระของเซลล์ในร่างกายที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยบนผิว  เพื่อป้องกันการเกิดสารอนุมูลอิสระคุณจำเป็นต้องรับประทานผลไม้สดที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระเช่น เบอร์รี่ ทับทิม ชา ส้มโอ อะโวคาโด และแครรอท เป็นต้น  และการใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของสารต่อต้านอนุมูลอิสระในผิวก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
7.นอนพักผ่อนให้เพียงพอ

  การนอนพักผ่อนให้เพียงพอในตอนกลางคืนและการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยฟื้นบำรุงผิวจะช่วยสร้างกระบวนการฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่ได้ผลดีที่สุด โดยที่คุณภาพของการนอนจะช่วยสร้างการผ่อนคลายและเสริมสร้างสารอาหารให้แก่เซลล์ผิวได้ดี นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและการเผาผลาญพลังงานในร่างกายอย่างสมดุล ถ้าหากว่าเรามีการนอนหลับที่ไม่เพียงพอจะส่งผลต่อทำให้ผิวเกิดการอ่อนล้า ความสามารถในการฟื้นฟูและการซ่อมแซมเซลล์ผิวใหม่จะลดลงทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำและหยาบกร้าน เป็นสิวอักเสบได้ง่าย นอกจากนี้มันยังส่งผลทำให้เกิดผิวแพ้ง่ายได้อีกด้วย
8.ออกกำลังวันละ 30 นาที

   การออกกำลังกายให้เหงื่อออกเป็นการขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีทางหนึ่งและทำให้ระบบไหลเวียนของเลือด ปอด หัวใจทำงานดีขึ้น ผิวพรรณสวยงาม ช่วยผ่อนคลายความเครียดทำให้นอนหลับสบาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นและช่วยควบคุมน้ำหนักตัว เป็นต้น  ถ้าหากว่าคุณได้ทำตามเคล็ดลับที่เรานำฝากกันได้ทุกวัน เราเชื่อว่าคุณจะมีผิวที่สวยสมวัย และมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงตลอดไป